Inthaphalum
อินทผลัม: มีหลายสายพันธุ์ และ ผลอินทผลัมก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น อัลบะละฮฺ (اَلْبَلَحُ ) ซึ่งเป็นผลอินทผลัมช่วงก่อนสุกเมื่อเริ่มเข้าสีเรียกว่า อัลบุสรุ้ (اَلْبُسْرُ ) พอเริ่มสุกเรียกว่า อัรรุฏ่อบุ้ (الرُّطَبُ ) ส่วนอินทผลัมแห้งอย่างที่วางขายทั่วไปนั้นเรียกว่าตัมรฺ (تَمْرٌ ) ส่วนหนึ่งจากสายพันธุ์ของอินทผลัม คือ ซุกกะรีย์ (سُكَّرِي ) และอัจญ์วะฮฺ (عَجْوَة ) เป็นต้น (1) (نَبِيْذُاَلْبَلَحِ ) นักภาษาศาสตร์บอกว่าเหตุที่เรียกอินทผลัมว่า อันนะคีล เพราะมันมีรากศัพท์มาจากคำว่า (اَلنَّخْلُ ) 10 แห่ง และใช้คำว่า อัจวะฮฺ (عَجْوَةٌ ) หมายถึง อินทผลัมชนิดหนึ่ง ที่ดีที่สุดของเมืองมะดีนะฮฺ มีรสชาติอร่อย ไม่หวานมาก มีประโยชน์ต่อร่างกาย.
1.
นำเมล็ดแช่น้ำ 3-5 วัน โดยเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกวัน แล้วแช่น้ำยาเร่งรากต่ออีก 2-3 ชม.
2.
เตรียมดินใส่ถุงดำเกือบเต็มถุง
3.
นำเมล็ดที่แช่น้ำเตรียมไว้คลุกหรือแช่ยาป้องกันเชื้อราก่อนลงเพาะหรืออบเมล็ด
4.
วางเมล็ดลงตามแนวนอนหงายด้านที่เป็นร่องขึ้นเอาดินกลบเมล็ดให้มิดประมาณ 1 ข้อนิ้วมือ
5.
วางเรียงถุงเพาะเอาไว้ในเรือนเพาะชำที่มีแสลมกันแดด
6.
รดน้ำทุกเช้าอย่าให้ดินฉ่ำน้ำหรือแห้งมากเกินไป
1. การปลูก โดยใช้วิธีการแยกหน่อ จากต้นใหญ่ (ตัวเมีย) จะต้องเลือกต้นแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป หน่อจะมีขนาดใหญ่ดีกว่า ขนาดเล็ก เมื่อตัดจากต้นแม่แล้ว ควรจะมัดรวบใบไว้ก่อน (ควรใช้หน่อที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว ขึ้นไป) ราคา ต้นพันธุ์อยู่ประมาณ 15-20 RO หรือ ประมาณ 1,500-2,000 บาท ( 1 RO = 100 บาท ) ขึ้นอยู่กับพันธุ์ด้วย
2. เมื่อปลูกไปแล้วประมาณ 3 ปี จะเริ่มให้ผลผลิต
3. หลุมที่ใช้ในการปลูก ต้องขุดและมี ขนาดประมาณ 80 cm x 80 cm x 80 cm หรือ 100 cm x 100 x 100 cm
4. วาง หน่อ ที่ใช้ปลูก ลึกลงไปในหลุม หรือ ในดินประมาณ 30 เซนติเมตร
5. การปลูกใหม่ๆ จะยังไม่ให้ปุ๋ย ให้ จะให้เพียงแต่น้ำทุกๆ 5 วัน
6. เมื่อปลูกแล้วผ่านไปประมาณ 1 เดือน จึงจะเริ่มให้ปุ๋ยคอก ต้นละประมาณ 1-2 กิโลกรัม
7. ในการปลูกระยะแรก จะต้องมัดรวบใบไว้ จนกว่าต้นจะฟื้นและตั้งตัวได้ จึงจะตัดเชือกที่ผูกออก
หลังการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว (ประมาณเดือนกันยายน) จะต้องพรวนพื้นที่ใต้ต้น
กำจัดวัชพืช บริเวณโคนต้น
ทำแนวร่องน้ำ และ คันกั้นน้ำ แต่ละต้น คล้ายคันนาขนาด ประมาณ กว้าง 6 x ยาว 6 เมตร
ควรให้น้ำ ทุก 5 วัน ในฤดูปกติ
ควรให้น้ำ ทุก 3 สัปดาห์ ในช่วงฤดูหนาว
ระบบการให้น้ำหากเป็นฤดูแล้ง ควรใช้ระบบน้ำหยด
หลังจากเก็บผลผลิตแล้ว ควรจะใส่ปุ๋ยยูเรีย 1 ครั้ง ต้นละประมาณ 3 กิโลกรัม หว่านทั่วใต้ต้น
ให้ปุ๋ยคอกต้นละประมาณ 20-30 กิโลกรัม (1 กระสอบ) 1 ครั้ง ต่อปี หลังจากใส่ปุ๋ยยูเรีย ไปแล้ว ประมาณ 10 วัน
ควรใช้ปุ๋ยคอก แทนการใช้ปุ๋ยเคมี
ควรใช้เลื่อย ตัดใบที่แก่แล้วทิ้งไป ต้นละประมาณ 2-3 ใบ
นำใบที่ตัดออก ไปใช้ประโยชน์ เช่น ทำรั้ว หรือ ทำฟืน
หากพบมี หน่อ ที่แตกออกมาที่กลางต้น หรือใกล้ๆยอด ให้ทำการออก
การตัดแต่งใบ เป็นการทำสะอาด และเป็นการป้องกันแมลงศัตรูพืช ที่อาจมารบกวน และป้องกันสัตว์ที่มากัดกินผลผลิตได้ดีมากขึ้น
การป้องกันกำจัดโรคแมลงและศัตรูอื่นๆ
ไม่จำเป็นต้องฉีดยาฆ่าแมลง เพราะอินทผาลัม ไม่มีแมลงศัตรูพืชเป็นหลัก
แต่มีนก ,หนู และ กระรอก ที่มารบกวนกัดกินผลผลิต โดยเฉพาะในช่วงที่ผลใกล้แก่
การกำจัด อาจจะใช้วิธีการยิง ด้วยหนังสติ๊ก หรือปืนลม
บางพื้นที่ จะเลี้ยงนกเค้าแมว, นกฮูก หรือนกแสก เพื่อจับกิน นก ,หนู และ กระรอก
ในเดือนมกราคมจะเริ่มออกดอก ต้นหนึ่งจะมีช่อดอกประมาณ 5-11 ช่อ และจะเริ่มบานประมาณปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป ทุกๆ 5 วัน ดอกจะเริ่มทยอยบาน และให้นำเกสรตัวผู้ ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้พันธุ์ Khori และ Bahani เป็นตัวผสม ตัวผู้ 1 ต้น สามารถผสมกับต้นตัวเมีย ได้ประมาณ 60 ต้น ดอกตัวผู้ สามารถเก็บไว้ใช้ได้ โดยนำช่อดอกไปผึ่งแดดให้แห้ง เก็บใส่ถุงพลาสติกใส่ถังปิดฝาไว้ และสามารถเก็บไว้ได้นานหลายเดือน การผสมเกสร จะเสร็จประมาณเดือนมีนาคม จะเริ่มติดผลประมาณ 3 สัปดาห์ หลังผสมเกษร ทะลายที่ติดผลจะค่อยๆ โน้มห้อยลงมาใต้ทางใบ ผลจะเริ่มแก่ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม บางพันธุ์ อาจแก่ก่อน พันธุ์ ซึ่งขายได้ราคาดี (เช่น พันธุ์ Battas) ปกติจะเก็บเกี่ยว ในเดือนสิงหาคม ระยะตั้งแต่ติดผลจนถึงผลแก่ประมาณ 180-200 วัน หรือ ประมาณ 6 – 7 เดือน แต่ละทะลาย จะให้ผลผลิต ประมาณ 6-8 กิโลกรัม
เมื่อผลแก่จะมีสีแดง หรือเหลือง แล้วแต่พันธุ์ มีรสชาติมันและหวาน การเก็บ จะต้องปีนขึ้นไป ตัดแล้ววางลงบนตะกร้า หย่อนเชือกลงมาด้านล่าง ปกติต้นหนึ่งๆ จะให้ผลผลิตประมาณ 100-150 กิโลกรัม
ผลอินทผาลัมสด ช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว ราคาจะอยู่ประมาณ กิโลกรัมละ 1000 -1500 บาท แต่ในช่วงที่ผลผลิตออกมาก ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 250 – 350 บาท ผลแห้ง ราคาขายจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 350 -1000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้า
นำผลไปผึ่งแดด ประมาณ 7-10 วัน จนผลแห้ง แล้วนำไปล้างน้ำตากแห้งอีก 1 วัน แล้วบรรจุภาชนะเพื่อจำหน่ายต่อไป การคัดคุณภาพของผลแห้ง จะแยกเป็นชนิดที่แยกเป็นผลเดี่ยวๆ ได้จะมีราคาแพง ส่วนผลที่ ติดกัน จะขายในราคาจะถูกลง ส่วนที่เละมาก นำไปกวน เป็นน้ำหวานสำหรับปรุงอาหาร ผลผลิตที่ไม่มีคุณภาพ สามารถนำไปผึ่งแดดเก็บไว้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงสัตว์ได้
สนใจสั่งซื้อ เมล็ด และ กล้าพันธุ์ รบกวนติดต่อมาที่
คุณพินิจ นิยม
มือถือ: 081-7720599, 098-2505955
Email: pinit_niyom@hotmail.com
Facebook : ขายเมล็ดพันธุ ต้นกล้าอินทผาลัม จากตะวันออกกลาง
ไลน์ ID : pinit812
การชำระเงิน โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธา ประเภท ออมทรัพย์
ชื่อบัญชี พินิจ นิยม
เลขบัญชี 4151108408